กรมส่งเสริมการเรียนรู้ ประชุมติดตามการขับเคลื่อนงานตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ) ครั้งที่ 8

วันที่ 6 พฤศจิกายน 2567 นายธนากร ดอนเหนือ อธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้ เป็นประธานการประชุมติดตามการขับเคลื่อนงานตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ) ครั้งที่ 8 โดยมี ว่าที่ร้อยเอก วิสาร ปัญญชุณห์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้ นายเอกราช ชวีวัฒน์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้ นายชัยพัฒน์ พันธุ์วัฒนสกุล รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้ พร้อมด้วย ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านฯ ผู้อำนวยการกลุ่ม/ศูนย์ ส่วนกลาง เข้าร่วมการประชุม ณ ห้องประชุมบรรจง ชูสกุลชาติ ชั้น 6 กรมส่งเสริมการเรียนรู้ นอกจากนี้ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัดทุกแห่ง/กทม. ผู้อำนวยการ สกร.ระดับอำเภอ/เขตทุกแห่ง และผู้อำนวยการศูนย์หรือสถาบันการเรียนรู้เฉพาะด้านหรือเฉพาะกิจการทุกแห่ง เข้าร่วมการประชุมผ่านระบบ Zoom Cloud Meetings
นายธนากร ดอนเหนือ อธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา กรมส่งเสริมการเรียนรู้ ได้ดำเนินการจัดพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ประจำปีพุทธศักราช 2567ของกรมส่งเสริมการเรียนรู้ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานผ้าพระกฐิน ตามที่กรมส่งเสริมการเรียนรู้ ขอพระราชทานมาทอดถวายยังที่ชุมนุมสงฆ์ เพื่อน้อมนำไปถวายพระสงฆ์ที่จำพรรษาครบถ้วนไตรมาส ณ วัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี ซึ่งในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีของพี่น้อง สกร. รวมไปถึงพี่น้อง สกร.กลุ่มจังหวัดภาคกลางที่ได้มาร่วมจัดโรงทาน แจกอาหารและเครื่องดื่มให้แก่พี่น้อง สกร.และประชาชนที่มาร่วมบุญ โดยมียอดพระกฐินพระราชทาน ประจำปีพุทธศักราช 2567 ของกรมส่งเสริมการเรียนรู้ ถวายเป็นพระราชกุศล จำนวนทั้งสิ้น 2,420,908.25 บาท ตนจึงขออนุโมทนาในกุศลแห่งกาลทานครั้งนี้กับทุกท่าน มาในโอกาสนี้ และในปี 2568 กรมส่งเสริมการเรียนรู้ ได้กำหนดจัดพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ประจำปีพุทธศักราช 2568 ของกรมส่งเสริมการเรียนรู้ โดยจะนำผ้าพระกฐินพระราชทานไปทอดถวาย ณ วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน เป็นลำดับต่อไป
ทั้งนี้ในการประชุมประสานภารกิจกระทรวงศึกษาธิการ ในส่วนการดำเนินงานของกรมส่งเสริมการเรียนรู้ พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้กำชับในการขับเคลื่อนนโยบาย “Thailand Zero Dropout” แก้ปัญหาเด็กหลุดจากระบบการศึกษา โดยมีเป้าหมายให้เด็กทุกคนได้รับการศึกษา ซึ่งทางกรมส่งเสริมการเรียนรู้ ได้มีการรายงานการดำเนินงานตามนโยบายดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เราได้รับข้อมูลจากกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) และได้นำข้อมูลมาลงระบบ โดยกลุ่มยุทธศาสตร์และแผนงานและกลุ่มเทคโนโลยีดิจิทัลและสารสนเทศ ได้ดำเนินการจัดทำแพลตฟอร์มในการบันทึกข้อมูล และใช้ข้อมูลเหล่านั้นลงในทุกจังหวัดเป็นกลุ่มเป้าหมาย โดยอธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้ ได้สั่งการสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัด และศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ระดับอำเภอ สำรวจข้อมูลเด็กและเยาวชนที่หลุดออกจากระบบการศึกษา อายุระหว่าง 6 -18 ปี ซึ่งขณะนี้มีอยู่จำนวน 394,039 คน โดยกรมส่งเสริมการเรียนรู้กำหนดให้มีการรายงานผลข้อมูลเด็กและเยาวชนที่หลุดออกจากระบบการศึกษา ในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2567 นี้
ทั้งนี้ อธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้ ให้ข้อเสอแนะในการจำแนกข้อมูลของเด็กที่หลุดออกจากระบบการศึกษาจำนวน 394,039 คน ออกเป็น 2 กลุ่ม คือ 1) เด็กต่างด้าว และ 2) เด็กไทย สำหรับเด็กไทยนั้น ตั้งเป้าหมายต้องนำกลับเข้าสู่ในระบบการศึกษาในรายกรณีตามความเหมาะสมให้ครบทุกคน หากยังเหลือให้เข้าสู่ระบบการจัดการศึกษาของกรมส่งเสริมการเรียนรู้ นอกจากนี้ทางด้านปลัดกระทรวงศึกษาธิการได้ฝากคำแนะนำที่ดี ถึงกรณีเด็กที่ไม่ประสงค์จะศึกษาต่อ ว่าทางกรมส่งเสริมการเรียนรู้ สามารถนำเด็กกลุ่มนี้มาเรียนหลักสูตรหรือฝึกอาชีพกับเราได้ไหม อีกทั้งตนยังขอฝากผู้บริหารทุกจังหวัด ให้ช่วยใส่ใจและกำกับดูแลพี่น้องที่อยู่ในพื้นที่ ให้มีการรายงานข้อมูลระหว่างกันทุกวัน โดยแนะนำให้จัดตั้งกลุ่มไลน์ขึ้นมาในแต่ละจังหวัดเพื่อเป็นช่องทางสื่อสาร หรือรายงานผลมาไปยังผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัดเพื่อให้ได้รับทราบถึงการขับเคลื่อนงานดังกล่าว นอกจากนี้ในส่วนของศูนย์ฝึกและพัฒนาอาชีพราษฎรไทยบริเวณชายแดน (ศฝช.) ได้กำชับให้ขับเคลื่อนนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กิจกรรมฝึกอาชีพชุมชนจบแล้วมีงานทำ (Learn to Earn) โดยต้องมีจังหวัดละ 1 อำเภอ ให้เป็นพื้นที่นำร่อง พร้อมทั้งฝากข้อแนะนำถึงศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา ให้สร้างศูนย์วิทย์ ฯ ให้เป็น Destinations ของนักท่องเที่ยวประจำจังหวัด เป็นเป้าหมายที่นักท่องเที่ยวอยากไป ซึ่งถือเป็นเรื่องท้าทายอย่างมาก แต่ก็เชื่อมั่นว่าพวกเราสามารถทำได้

Skip to content