กรมส่งเสริมการเรียนรู้ เดินหน้าขับเคลื่อน “Zero Dropout” แก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษา

23 กันยายน 2568 นายเอกราช ชวีวัฒน์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้ เป็นประธานการประชุมชี้แจงการกรอกข้อมูลเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษา อายุ 3 – 18 ปี รอบ 2 ปีการศึกษา 2567 และมอบนโยบายการดำเนินงาน การแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษา ผ่านการประชุมระบบ Zoom Cloud Meeting ให้แก่ผู้บริหาร ครู และบุคลากร สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัด/กรุงเทพมหานคร ทั่วประเทศ 

โดยมี นางสาวเอื้อมพร ศรีภูวงศ์ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและพัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้ เป็นผู้กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์การประชุม ณ ห้องประชุมสุนทร สุนันท์ชัย กรมส่งเสริมการเรียนรู้ และนายมาโนช แก้วเพียท้าว นักเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัดบึงกาฬ ชี้แจงการใช้แพลตฟอร์มสำหรับการกรอกข้อมูล

นายเอกราช ชวีวัฒน์ กล่าวเปิดการประชุมและมอบนโยบายว่า “การดำเนินงาน DOLE Zero Dropout ครอบคลุมช่วงอายุ 3–18 ปี ซึ่งเป็นการสำรวจ ค้นหา และคัดกรองเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการประชุมครั้งนี้ได้บูรณาการการทำงานร่วมกันทุกระดับ ตั้งแต่ระดับตำบล อำเภอ จังหวัด จนถึงหน่วยงานส่วนกลาง โดยใช้แพลตฟอร์มข้อมูลกลาง (DOLEdemy) ที่เชื่อมโยงกันทั่วประเทศ เพื่อให้สามารถติดตามข้อมูลผู้เรียนได้ต่อเนื่อง แม้มีการย้ายถิ่นฐาน พร้อมทั้งสนับสนุนการทำงานของครู สกร. และคณะทำงานในพื้นที่ให้ดำเนินงานอย่างสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการ

ทั้งนี้ กรมส่งเสริมการเรียนรู้ได้มอบหมายให้ทุกหน่วยในพื้นที่ดำเนินการสำรวจและนำเด็กกลุ่มเป้าหมายเข้าสู่ระบบอย่างเป็นขั้นตอน โดยดำเนินการติดตามในห้วงเดือนเมษายนและตุลาคมของทุกปี เพื่อให้สามารถผลักดันเด็กและเยาวชนเข้าสู่ระบบการศึกษาหรือการเรียนรู้อย่างเหมาะสมตามช่วงวัย รวมถึงการพัฒนาทักษะชีวิตและทักษะอาชีพที่ตอบโจทย์บริบทของพื้นที่ โครงการ “Zero Dropout” จึงนับเป็นภารกิจสำคัญที่ต้องอาศัยความร่วมมือของทุกภาคส่วน เพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษาอย่างเท่าเทียม ลดจำนวนเด็กนอกระบบการศึกษา และเสริมสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับเด็กและเยาวชนไทย”

นางสาวเอื้อมพร ศรีภูวงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “การดำเนินงาน Zero Dropout มิใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นภารกิจที่กระทรวงศึกษาธิการให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2567 ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ไม่เพียงเป็นตัวเลข แต่เป็นฐานสำคัญให้ผู้บริหารสถานศึกษาและผู้เกี่ยวข้องทุกระดับสามารถใช้วิเคราะห์ วางแผน และเสนองบประมาณเพื่อแก้ไขปัญหาได้ตรงความต้องการของเด็กและครอบครัว โดยเฉพาะเด็กกลุ่มที่ยังไม่พร้อมเข้ารับการศึกษา เช่น เด็กที่ต้องดูแลผู้สูงอายุในครอบครัว หรือมีภาระทางเศรษฐกิจ ซึ่งกรมจะร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่จัดการเรียนรู้หรือเสริมทักษะอาชีพที่เหมาะสม อาทิ การค้าขายออนไลน์ การแปรรูปผลผลิต การเสริมสวย หรือการเรียนภาษาต่างประเทศ 

นอกจากนี้ สิ่งสำคัญคือข้อมูลจากการกรอกในระบบ ต้องเป็นข้อเท็จจริงที่สะท้อนปัญหาและความต้องการของเด็กแต่ละพื้นที่ เพื่อให้ส่วนกลางสามารถสังเคราะห์ กำหนดหลักเกณฑ์ และจัดสรรงบประมาณไปยังสถานศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมุ่งหวังให้การดำเนินโครงการ Zero Dropout เป็นเครื่องมือสำคัญในการลดจำนวนเด็กนอกระบบการศึกษา และสร้างโอกาสใหม่ในการเรียนรู้แก่เยาวชนทั่วประเทศ”