วันที่ 18 ตุลาคม 2568 ณ แหล่งเรียนรู้สมุนไพรพื้นบ้านชุมชนศรีบุญเรือง ใกล้บริเวณตำหนักพระนางจามเทวี อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน นางเกศทิพย์ ศุภวานิช อธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้ พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่เยี่ยมชมแหล่งเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น พบปะพูดคุยกับ นายสรสิช (สมาน) นวลศรี ครูภูมิปัญญาไทยท้องถิ่น ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรพื้นบ้านและแพทย์แผนไทย ซึ่งเป็นผู้ได้รับโล่เกียรติคุณระดับภาคเหนือด้านภูมิปัญญาไทย และเป็นผู้เขียนตำรากลศาสตร์ธรรมแผนไทย ประกอบการเรียนการสอนด้านพืชสมุนไพรและการแพทย์แผนไทย
นายสรสิช นวลศรี ได้ถ่ายทอดความรู้เรื่องสมุนไพรที่ใช้ในชีวิตประจำวัน การนำสมุนไพรมาประกอบเป็นยารักษาโรค และการใช้พืชสมุนไพรในการดูแลสุขภาพ เช่น• สมุนไพรที่ได้จากหัวหรือเหง้า ได้แก่ ขมิ้น ขิง ข่า ตะไคร้ และกระชาย• สมุนไพรที่ได้จากรากและเถา เช่น บอระเพ็ด เถาสะค้าน เถาวัลย์เปรียง รากหญ้าคา รากเตยหอม• สมุนไพรที่ได้จากต้นและเปลือก เช่น ไม้ฝางเสน ชุมเห็ดเทศ หญ้าหนวดแมว มะเฟือง ขี้เหล็ก• สมุนไพรที่ได้จากใบ เช่น กะเพรา บัวบก ฟ้าทะลายโจร ย่านาง ทองพันชั่ง• สมุนไพรที่ได้จากดอก เช่น ดอกแค ดอกพิกุล ดอกมะลิ ดอกสารภี ดอกบุณฑริก• สมุนไพรที่ได้จากผลและเมล็ด เช่น มะขามป้อม มะรุม มะระขี้นก มะเขือ และเม็ดมะม่วงหิมพานต์
พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้นักศึกษาและประชาชนทั่วไปได้เข้าศึกษาเรียนรู้ฟรี ทุกวันเสาร์ เวลา 13.00–15.00 น.ภายใต้แนวคิด “เรียนรู้จากภูมิปัญญาท้องถิ่น สืบสานความรู้สู่การสร้างอาชีพ”
นอกจากนี้ ยังมี “กลุ่มทำโคมล้านนา ชุมชนศรีบุญเรือง” ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มของคนในชุมชนภายใต้การนำของ นางทวีพร พิริยพงศ์พิทักษ์ ประธานกลุ่มฯ เพื่อสืบทอดศิลปหัตถกรรมล้านนาในการประดิษฐ์โคมลอยและโคมแขวนแบบดั้งเดิมของลำพูน ซึ่งใช้ในงานประเพณียี่เป็งและกิจกรรมทางวัฒนธรรมต่าง ๆ เปิดสอนให้ความรู้กับผู้ที่สนใจอีกด้วย
อธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้ กล่าวชื่นชมการดำเนินงานของชุมชนศรีบุญเรืองว่าเป็นแบบอย่างของการเรียนรู้ตลอดชีวิต ที่ผสมผสานองค์ความรู้ดั้งเดิมกับการพัฒนาอาชีพและการเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์ สอดคล้องกับแนวทางของกรมส่งเสริมการเรียนรู้ในการ “สร้างคนเรียนรู้ เท่าทันโลก อยู่กับสังคมอย่างมีความสุข”
พร้อมกันนี้ อธิบดีได้มอบหมายให้ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัดลำพูน จัดให้นำนักศึกษาของกรมเข้ามาเรียนรู้จากแหล่งเรียนรู้ดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นประโยชน์ในการศึกษาจริงจากปราชญ์ท้องถิ่น และต่อยอดองค์ความรู้สู่การพัฒนาอาชีพในอนาคต