สกร. จับมือ สสส. บูรณาการขับเคลื่อนสังคมปลอดบุหรี่ไฟฟ้า สร้างภูมิคุ้มกันและความรอบรู้ให้ผู้เรียน สกร.
วันที่ 6 พฤศจิกายน 2568 ดร.เกศทิพย์ ศุภวานิช อธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้ ให้การต้อนรับ นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และคณะ ในการหารือแนวทางความร่วมมือ “การขับเคลื่อนงานบุหรี่ไฟฟ้า” ณ ห้องประชุมบรรจง ชูสกุลชาติ ชั้น 6 กรมส่งเสริมการเรียนรู้ กรุงเทพมหานคร
การหารือครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการบูรณาการความร่วมมือระหว่าง กรมส่งเสริมการเรียนรู้ (สกร.) และกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เพื่อขับเคลื่อนสังคมแห่งการเรียนรู้ปลอดบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า โดยมีเป้าหมายสำคัญคือ “สร้างสิ่งแวดล้อมการเรียนรู้ที่ปลอดภัย และเสริมสร้างสุขภาวะที่ดีของผู้เรียน”
ในระยะเริ่มต้น ทั้งสองหน่วยงานจะดำเนินการสร้าง “ภูมิคุ้มกันทางความคิดและพฤติกรรม” ให้แก่ผู้บริหาร ครู และบุคลากรทางการศึกษา เพื่อเป็น “ผู้นำการเปลี่ยนแปลง” ถ่ายทอดความรู้และสร้างจิตสำนึกที่ถูกต้องเกี่ยวกับพิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้า รวมทั้งจะร่วมกันพัฒนาองค์ความรู้ สื่อสร้างสรรค์ และจัดทำฐานข้อมูล (Base Line) เพื่อสำรวจสถานการณ์เชิงพฤติกรรมและระดับความรอบรู้ทางสุขภาพของผู้เรียนในสังกัด สกร.
ดร.เกศทิพย์ ศุภวานิช อธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้ กล่าวว่า“การทำงานร่วมกันระหว่าง สกร. และ สสส. จะเป็นกลไกสำคัญในการสร้างเครือข่ายสังคมแห่งการเรียนรู้ปลอดบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า สำหรับแนวทางการพัฒนาหลักสูตรที่ สสส. จะดำเนินการร่วมกับ สกร. ควรจัดทำให้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาในหลักสูตร นับเป็นเวลาเรียน โดยปรับเนื้อหาให้สั้น กระชับ และเรียนรู้ได้จริง เพื่อให้เหมาะกับผู้เรียนในแต่ละช่วงวัยของ สกร. และสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างแท้จริง”
ด้าน นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวขอบคุณกรมส่งเสริมการเรียนรู้ที่ให้ความสำคัญกับประเด็นบุหรี่ไฟฟ้าอย่างจริงจัง พร้อมย้ำว่า การร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการ ยกระดับการป้องกันและแก้ไขปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าในสถานศึกษา ซึ่งจะนำไปสู่การจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) อย่างเป็นทางการในลำดับต่อไป
นอกจากนี้ ทั้งสองหน่วยงานยังมีแผนขยายผลความร่วมมือในระยะต่อไป โดยจะมุ่งเน้นการสร้าง ความรอบรู้ทางสุขภาพ (Health Literacy) การดูแลสุขภาพจิต การป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พร้อม และการพัฒนาทักษะชีวิตที่จำเป็น เพื่อให้ผู้เรียนของ สกร. รู้เท่าทัน ป้องกันตนเอง และใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัยอย่างยั่งยืน
อธิบดี สกร. กล่าวทิ้งท้ายว่า การร่วมหารือกับ สสส. ในครั้งนี้ ถือเป็น “โอกาสสำคัญ” ที่จะใช้กรมส่งเสริมการเรียนรู้ (สกร.) เป็นกลไกหลักในการ “ขับเคลื่อนองค์ความรู้ด้านสุขภาพและคุณภาพชีวิตให้เข้าถึงทุกบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ” แม้ สกร. จะมีข้อจำกัดด้าน ทรัพยากรสนับสนุน แต่สิ่งที่ สกร. มีและเป็นจุดแข็งที่สุด คือ“พลังของการทำงานที่เข้าถึงทุกครัวเรือน ทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตได้อย่างทั่วถึงและครอบคลุม”