วันที่ 19 พฤศจิกายน 2568 กรมส่งเสริมการเรียนรู้ (สกร.) เดินหน้าขับเคลื่อนบทบาท “ห้องสมุดประชาชน” ให้เป็นมากกว่าสถานที่เก็บหนังสือ โดยมุ่งพัฒนาให้เป็นพื้นที่สร้างสรรค์กิจกรรมการเรียนรู้ที่มีชีวิต เชื่อมโยงองค์ความรู้สู่การใช้จริงในชีวิตประจำวันของประชาชนทุกช่วงวัย พร้อมผนึกกำลังกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เพื่อยกระดับรากฐานด้านสุขภาวะของทุกครัวเรือนและชุมชนทั่วประเทศ
นางเกศทิพย์ ศุภวานิช อธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้ เป็นประธานการประชุมสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่าง สกร.-สสส. ภายใต้โครงการพัฒนาเสริมศักยภาพห้องสมุดในสังกัด สกร. ให้เป็น “พื้นที่เติมสุข (ภาวะ)” ผ่านระบบออนไลน์ โดยมี นางยุพิน บัวคอม รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้ ว่าที่ร้อยเอก อาศิส เชยกลิ่น ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมและพัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้ และนายนครินทร์ ภระมรทัต รักษาการผู้อำนวยการศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สสส. ร่วมชี้แจงแนวคิด เป้าหมาย และแนวทางขับเคลื่อนแก่บรรณารักษ์ห้องสมุดประชาชนทั่วประเทศ รวมถึงการจัดกิจกรรมกลุ่มเพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรม
อธิบดีฯ เกศทิพย์ กล่าวว่า ห้องสมุดประชาชนเป็นพื้นที่ที่ประชาชนทุกช่วงวัยสามารถเข้ามาทำกิจกรรมและเข้าถึงความรู้ได้อย่างแท้จริง การได้รับความร่วมมือจาก สสส. ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะช่วยเสริมสร้างสุขภาวะทั้งกายและใจให้ประชาชน พร้อมย้ำว่า สกร. และ สสส. จะร่วมกันพัฒนาและต่อยอดการเรียนรู้ด้านสุขภาวะให้เกิดผลในระดับครัวเรือนและชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม
ความร่วมมือครั้งนี้ครอบคลุมตั้งแต่การส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) พัฒนา “เครือข่ายส่งเสริมการเรียนรู้สุขภาวะที่มีชีวิต” ไปจนถึงการบูรณาการองค์ความรู้สุขภาวะเข้าสู่กิจกรรมในห้องสมุด ได้แก่• สุขภาวะ 4 มิติ (กาย – จิต – สังคม – ปัญญา)• แนวทางดูแลสุขภาพกายและโภชนาการ• ความรู้ด้านสุขภาพจิต เช่น ภาวะซึมเศร้า• การรู้เท่าทันสื่อ บุหรี่ไฟฟ้า ยาเสพติด• ทักษะชีวิต ความปลอดภัยทางถนน PM 2.5• และการสร้างบทบาท “นักเติมสุข (ภาวะ)” ผ่านการอบรมออนไลน์ของ สสส.
ทั้งหมดนี้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติด้านการเสริมสร้างสุขภาวะ และตอบโจทย์ พระราชบัญญัติส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2566 ในการพัฒนาคนให้เรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา และดูแลตนเองได้อย่างเหมาะสม
อธิบดีฯ เกศทิพย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ห้องสมุดประชาชนยุคใหม่จะไม่จำกัดอยู่เพียงหนังสือบนชั้น แต่ต้องเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยกิจกรรมสร้างสรรค์ เช่น• กิจกรรมและเกมสำหรับผู้ที่อ่านหนังสือไม่ออก• การสอนทักษะ เช่น ซ่อมหนังสือ ห่อของขวัญ• การสอนภาษาต่างประเทศ เช่น จีน เกาหลี ญี่ปุ่น• ทักษะเทคโนโลยี เช่น AI, การใช้แอปพลิเคชัน• การเรียนรู้สู่โลก Metaverseเพื่อเปิดโอกาสให้บรรณารักษ์นำความถนัดส่วนตัวมาต่อยอดเป็นกิจกรรมที่เกิดประโยชน์ต่อคนในชุมชน
พร้อมฝากถึงบรรณารักษ์ทั่วประเทศว่า “ขอให้ทุกห้องสมุดร่วมกันสร้างพื้นที่แห่งการเรียนรู้ พื้นที่แห่งกิจกรรม และพื้นที่ที่มีองค์ความรู้เป็นรากฐานของทุกครัวเรือน เรากำลังก้าวไปสู่เป้าหมายร่วมกันตาม พ.ร.บ. ส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2566 เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มมีโอกาสเรียนรู้ และรักการเรียนรู้ตลอดชีวิต”
การดำเนินงานร่วมกับ สสส. ในครั้งนี้ สกร. เชื่อมั่นว่าจะเป็นอีกก้าวสำคัญในการวางรากฐานสุขภาวะที่เข้มแข็งของชุมชน และทำให้ “กรมส่งเสริมการเรียนรู้” กลายเป็นหน่วยงานที่อยู่ใกล้ชิดกับทุกครัวเรือนอย่างแท้จริง