วันที่ 9 ธันวาคม 2568 ดร.เกศทิพย์ ศุภวานิช อธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้ (สกร.) ให้การต้อนรับนางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) และคณะ ณ ห้องประชุมสุนทร สุนันท์ชัย ชั้น 4 กรมส่งเสริมการเรียนรู้ เพื่อหารือแนวทางความร่วมมือด้านการส่งเสริมวินัยการออมในสถานศึกษา โดยมีนางพุทธชาต ทองกร คณะทำงานอธิบดีฯ ผู้อำนวยการกลุ่มนิติการ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม

เลขาธิการ กอช. ได้นำเสนอภารกิจสำคัญของกองทุนการออมแห่งชาติในการสร้างหลักประกันบำนาญให้ประชาชนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะแรงงานนอกระบบที่ยังขาดโอกาสเข้าถึงระบบบำนาญของรัฐ พร้อมชี้ให้เห็นปัญหาที่คนไทยจำนวนมากยังไม่ตระหนักถึงความสำคัญของการวางแผนการเงิน ส่งผลให้การออมยังไม่แพร่หลายเท่าที่ควร ในขณะที่ กอช. ทำหน้าที่เสมือน “กบข. สำหรับแรงงานนอกระบบ” โดยรัฐร่วมสมทบเงินออมตามสิทธิที่กฎหมายกำหนด เปิดรับสมาชิกตั้งแต่อายุ 15–60 ปี ปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 2 ล้านคน แต่มีนักเรียนเพียง 3 แสนคนเท่านั้นที่เป็นสมาชิก ซึ่งสะท้อนถึงความจำเป็นในการปลูกฝังวินัยการออมตั้งแต่วัยเรียน

กอช. ยังได้รายงานถึงการทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระดับกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงการคลังตั้งแต่ปี 2560 พร้อมการขยายความร่วมมือไปยังสถานศึกษาในหลายพื้นที่ แม้ยังไม่เป็นระบบสมบูรณ์ แต่ได้รับความร่วมมือจากโรงเรียนและสถาบันการศึกษาจำนวนมากในการส่งเสริมความรู้ด้านการออม และเปิดโอกาสให้นักเรียนสมัครเป็นสมาชิกกองทุนฯ

ด้านอธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้เน้นย้ำว่า “สถานศึกษาเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการสร้างวินัยการออมอย่างยั่งยืน” โดย สกร. พร้อมทำงานร่วมกับ กอช. เพื่อออกแบบกรอบความร่วมมือที่ชัดเจน ทั้งในด้านการให้ความรู้แก่ครู บุคลากร และผู้เรียน การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์สิทธิประโยชน์ของ กอช. รวมถึงการส่งเสริมกิจกรรมสร้างวินัยการออมภายในสถานศึกษาอย่างเป็นระบบ พร้อมผลักดันแนวคิดการพัฒนา “ครูต้นแบบด้านการออม” และ “ผู้เรียนต้นแบบด้านการออม” เพื่อขยายผลสู่การเรียนรู้เชิงปฏิบัติที่ต่อเนื่องในทุกพื้นที่

ทั้งสองหน่วยงานเห็นชอบร่วมกันในการจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ว่าด้วยการส่งเสริมวินัยการออมในสถานศึกษา ซึ่งจะครอบคลุมการรณรงค์สร้างความรู้ความเข้าใจ การกระตุ้นการสมัครเป็นสมาชิกกองทุนการออมแห่งชาติ และการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ปลอดภัย เช่น สลากออมทรัพย์ ภายใต้แนวคิด “คุณออม รัฐช่วยออม คุณได้บำนาญ” เพื่อร่วมกันยกระดับคุณภาพชีวิตและความมั่นคงทางการเงินของประชาชนอย่างยั่งยืนในระยะยาวต่อไป