วันที่ 11 ธันวาคม 2568 ดร.เกศทิพย์ ศุภวานิช อธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้ (สกร.) เป็นประธานเปิดโครงการ “สกร. กาญจนบุรี ร่วมใจปลูกป่า รักษ์น้ำ สืบสานปณิธานแม่ของแผ่นดิน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล” ผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งจัดขึ้นโดยสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัดกาญจนบุรี ระหว่างวันที่ 10–11 ธันวาคม 2568 ณ ศูนย์ฝึกวิชาชีพจังหวัดกาญจนบุรี “สามสงฆ์ทรงพระคุณ” โดยมีนางพรรณวิภา ปิยัมปุตระ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี หัวหน้าส่วนราชการ ภาคีเครือข่าย ผู้บริหาร ครู ศกร.ระดับตำบล บรรณารักษ์ และนักศึกษา เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง
อธิบดี สกร. กล่าวในพิธีว่า รู้สึกเป็นเกียรติและยินดีที่ได้ร่วมเปิดโครงการสำคัญนี้ แม้มีภารกิจด่วนในการหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ทำให้ไม่สามารถเดินทางมาร่วมงานตั้งแต่เช้าได้ แต่การได้เห็นความร่วมแรงร่วมใจของ สกร. จังหวัดกาญจนบุรีและภาคีทุกภาคส่วน สะท้อนพลังแห่งความตั้งใจร่วมกันในการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ผู้ทรงทุ่มเทพระวรกายเพื่อปวงชนชาวไทยมาโดยตลอด
อธิบดีย้ำว่า การปลูกป่าในวันนี้ไม่ใช่เพียงการลงมือปลูกต้นไม้ หากแต่เป็น “การปลูกจิตสำนึก” และสร้างกระบวนการเรียนรู้ตามภารกิจของ สกร. ให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยพันธุ์ไม้ที่ปลูก เช่น ต้นยางนา และต้นกาญจนิการ์ ซึ่งเป็นต้นไม้ประจำจังหวัด ล้วนมีคุณค่าต่อระบบนิเวศและสื่อถึงรากเหง้าของท้องถิ่น เป้าหมายสำคัญคือต้นไม้ต้อง “เติบโตทั้งบนดินและในหัวใจของผู้คน” เพื่อให้ความสำเร็จของโครงการสืบต่อจากรุ่นสู่รุ่นอย่างยั่งยืน
ด้านนางสาวนันทยา มากเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า โครงการครั้งนี้มุ่งหมายในการฟื้นฟูผืนป่าและต้นน้ำตามแนวพระราชดำริ พร้อมทั้งกระตุ้นจิตสำนึกด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ มีผู้เข้าร่วมกว่า 500 คน และได้จัดเตรียมพันธุ์ไม้คุณค่า 999 ต้น ได้แก่ ยางนา ทองอุไร หว้า และกาญจนิการ์ เพื่อนำไปปลูกสร้างพื้นที่สีเขียวให้ชุมชนและใช้เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านสิ่งแวดล้อมต่อไป
ช่วงบ่าย อธิบดี สกร. ได้เดินทางถึงจังหวัดกาญจนบุรีและเข้าร่วมกิจกรรมปลูกต้นไม้ในพื้นที่ศูนย์ฝึกวิชาชีพฯ โดยได้ร่วมปลูก “ต้นยางนา” ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของการฟื้นฟูระบบนิเวศและการส่งต่อมรดกทางธรรมชาติให้คนรุ่นหลัง หลังปลูกต้นไม้แล้ว อธิบดีได้พบปะพูดคุยทักทายผู้บริหาร บุคลากร และนักศึกษาในบรรยากาศที่อบอุ่น เป็นกันเอง และเปี่ยมด้วยรอยยิ้ม สะท้อนความผูกพันของครอบครัว สกร. ที่ร่วมกันขับเคลื่อนภารกิจเพื่อสังคมอย่างเข้มแข็ง
จากนั้นได้เยี่ยมชมกิจกรรม “Sweet Heritage” ซึ่งสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัดกาญจนบุรีได้จัดเทศกาลขนมไทยโบราณจากทั้ง 13 อำเภออย่างครบถ้วน โดยนำเสนออัตลักษณ์ของแต่ละพื้นที่ผ่านรสชาติ ภูมิปัญญา และวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมายาวนาน อำเภอเมืองกาญจนบุรีนำเสนอขนมช่อม่วงสีสวยประณีตและกะลอจี้ที่หอมงาและหนึบเป็นเอกลักษณ์ ขณะที่อำเภอเลาขวัญคัดสรรขนมกงทรงล้อรถโบราณทำอย่างพิถีพิถันควบคู่กับขนมก้นกระทะสูตรดั้งเดิมซึ่งหาทานได้ยากขึ้นทุกวัน
อำเภอท่าม่วงนำเสนอน้ำสมุนไพรอัญชัน–เก๊กฮวยที่สดชื่นและขนมหันตาซึ่งมีกรรมวิธีเฉพาะตัว ส่วนพื้นที่สูงอย่างทองผาภูมิก็ภูมิใจในขนมทองโย๊ะอันโด่งดังและน้ำฝางซึ่งใช้สมุนไพรพื้นบ้านเป็นวัตถุดิบสำคัญ อำเภอหนองปรือเลือกนำเสนอขนมชั้นโบราณสีละมุนซึ่งใช้สีจากธรรมชาติและคงขั้นตอนการทำแบบชาวบ้านไว้อย่างครบถ้วน
อำเภอด่านมะขามเตี้ยได้นำขนมเทียนสลัดงาที่ให้รสหอมมันมาจัดแสดงคู่กับน้ำสมุนไพรมะตูม อัญชัน และเก๊กฮวยที่บรรณารักษ์เตรียมไว้อย่างประณีต ด้านอำเภอไทรโยคก็นำขนมเทียนแก้วเนื้อใสแวววาวและขนมกงอีกหนึ่งตำรับท้องถิ่นมาร่วมงานอย่างน่าประทับใจ พนมทวนเลือกขนมตัวด้วงซึ่งเป็นขนมแป้งทอดโบราณ และขนมละมุดที่หวานมันตามสูตรชุมชนดั้งเดิมมานำเสนออย่างภาคภูมิ
อำเภอบ่อพลอยสร้างสีสันด้วยขนมแฉ่งม้าซึ่งเป็นขนมพื้นถิ่นหาชิมได้ยาก พร้อมน้ำสมุนไพรมะตูม เก๊กฮวย และใบเตยที่เป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่ ท่ามะกานำเสนอขนมต๋ายลืม ขนมชื่อสะดุดหูที่สะท้อนภูมิปัญญาคนรุ่นก่อน ห้วยกระเจานำขนมคันหลาวซึ่งใช้แป้งข้าวเหนียวและกรรมวิธีเฉพาะของชุมชนมาร่วมจัดแสดงด้วยความภาคภูมิใจ
ในเขตอำเภอสังขละบุรี ขนมถังแตกมอญซึ่งเป็นมรดกด้ามวัฒนธรรมมอญได้กลายเป็นอีกหนึ่งจุดสนใจสำคัญของงาน ก่อนที่อำเภอศรีสวัสดิ์จะปิดท้ายด้วยขนมหน่อไม้และขนมกล้วย ซึ่งเป็นสูตรดั้งเดิมที่สืบทอดกันมาของชาวบ้านริมน้ำแคว ทุกอำเภอล้วนจัดแสดงด้วยหัวใจที่ต้องการรักษามรดกของชุมชนให้คงอยู่ และถ่ายทอดให้คนรุ่นใหม่เห็นถึงคุณค่าของอาหารไทยในฐานะ Soft Power อันทรงพลังของท้องถิ่นกาญจนบุรี