สกร. ลงนาม PA ผอ. 19 จังหวัด อธิบดีกำชับ “ไม่มีคำว่าป้ายแดง” ผู้นำใหม่ต้องครองตน–ครองใจ พิสูจน์ผลสัมฤทธิ์ 1 ปี ตาม พ.ร.บ. ส่งเสริมการเรียนรู้ 2566
วันที่ 15 ธันวาคม 2568ดร.เกศทิพย์ ศุภวานิช อธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้ (สกร.) เป็นประธานการประชุมและพิธีทำบันทึกข้อตกลงในการปฏิบัติงานในหน้าที่ (Performance Agreement : PA) ของผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัด และผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำกรุงเทพมหานคร โดยมี นายเอกราช ชวีวัฒน์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้ นายสุรเชษฐ์ เหลี่ยมวานิช ผู้อำนวยการกองบริหารทรัพยากรบุคคล และผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัด เข้าร่วม ณ ห้องประชุมโกวิท วรพิพัฒน์ ชั้น 3 อาคารรัชมังคลาภิเษก กระทรวงศึกษาธิการ
อธิบดี สกร. กล่าวว่า ภายหลังกรมส่งเสริมการเรียนรู้มีคำสั่งบรรจุและแต่งตั้งผู้ได้รับการคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัดและกรุงเทพมหานคร ผู้ดำรงตำแหน่งทุกคนจะต้องจัดทำข้อตกลงในการปฏิบัติงานในหน้าที่ (PA) เพื่อใช้เป็นกรอบในการประเมินสัมฤทธิผลการปฏิบัติงานในรอบระยะเวลา 1 ปี โดยต้องปฏิบัติงานให้เป็นไปตามลักษณะงานในตำแหน่ง ภารกิจของหน่วยงาน และสอดคล้องกับนโยบายกระทรวงศึกษาธิการและกรมส่งเสริมการเรียนรู้ พร้อมยอมรับการประเมินตามองค์ประกอบ ตัวชี้วัด และวิธีการที่ อ.ก.ศ. กรมส่งเสริมการเรียนรู้ กำหนด
สำหรับผู้ที่เข้าร่วมพิธีในครั้งนี้ เป็นผู้ได้รับการคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัดและกรุงเทพมหานคร รวม 19 จังหวัด ได้แก่ สุโขทัย แพร่ ชัยนาท กาญจนบุรี สุราษฎร์ธานี สระแก้ว พระนครศรีอยุธยา ราชบุรี เพชรบุรี สมุทรสาคร ตราด กระบี่ นครนายก สิงห์บุรี ตรัง แม่ฮ่องสอน พังงา ระนอง และภูเก็ต
ในโอกาสนี้ อธิบดี สกร. ได้กล่าวให้โอวาทแก่ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัด โดยเน้นย้ำว่า การเข้ารับตำแหน่งผู้บริหารในระบบราชการ “ไม่มีคำว่าใหม่ หรือ ป้ายแดง” มาตรฐานการทำงานต้องเริ่มทันที สิ่งสำคัญที่สุดคือการเป็นต้นแบบของการปฏิบัติงาน หรือ “การครองตน” ซึ่งจะนำไปสู่การ “ครองใจ” ของผู้ใต้บังคับบัญชา และเป็นรากฐานของผลสัมฤทธิ์อย่างแท้จริง พร้อมชื่นชมผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัดที่สามารถทำงานหนัก ทุ่มเท และครองตนได้อย่างเข้มแข็งในภาวะวิกฤต โดยเฉพาะการใช้จุดแข็งของหน่วยงานช่วยเหลือประชาชน เช่น โครงการ “สกร.อาสา พาใช้แอปพลิเคชัน” จนทำให้บทบาทของ สกร. เป็นที่ประจักษ์และได้รับการยอมรับในระดับประเทศ
อธิบดี สกร. ยังได้เน้นย้ำให้ผู้บริหารทุกคนศึกษาพระราชบัญญัติส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2566 อย่างลึกซึ้ง เพื่อเข้าใจแก่นแท้ของภารกิจ โดยชี้ชัดว่างานหลักของ สกร. มี 3 ภารกิจสำคัญที่ต้องขับเคลื่อนไปพร้อมกัน ได้แก่ 1) งานจัดการศึกษา 2) งานการเรียนรู้ตลอดชีวิต และ 3) งานสร้างความเข้มแข็งของชุมชน ซึ่งการรับนักศึกษาตามระบบเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ภารกิจที่แท้จริงคือการดูแลประชาชนผ่านงานการเรียนรู้ตลอดชีวิตและงานชุมชนเข้มแข็ง ผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จต้องสามารถขับเคลื่อนทั้ง 3 ภารกิจได้อย่างครบถ้วนและตอบโจทย์พื้นที่
พร้อมกันนี้ ได้กำชับถึงความสำคัญของการสื่อสารในยุคดิจิทัล โดยระบุว่าผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัดต้องติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างสม่ำเสมอ ใช้กลุ่มไลน์เป็นช่องทางหลักในการสื่อสาร และเชื่อมโยงการทำงานกับส่วนกลางอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา
อธิบดี สกร. กล่าวเพิ่มเติมว่า ช่วงเริ่มต้นการปฏิบัติหน้าที่เป็นช่วงเวลาสำคัญของการประเมินผล การแสดงความพร้อม ความเข้มแข็ง และภาวะผู้นำตั้งแต่ต้นจะเป็นปัจจัยชี้ขาดของความสำเร็จในระยะยาว พร้อมฝากหลักคิดในการทำงานว่า “งานหลักต้องไม่บกพร่อง งานเสริมคือโอกาสเพิ่มเสน่ห์” ผู้นำต้องจัดลำดับความสำคัญให้ชัดเจน ไม่สร้างภาระที่ไม่ใช่เนื้องาน และต้องถอดบทบาทตัวตนลงมาสัมผัสปัญหาจริง เพื่อเปลี่ยนปัญหาให้เป็นความท้าทาย และแปรความท้าทายให้เป็นโอกาสในการพัฒนา
ช่วงท้าย อธิบดี สกร. ได้อวยพรให้ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัดทั้ง 19 จังหวัด ประสบความสำเร็จในการปฏิบัติหน้าที่ สามารถนำพาบุคลากรด้วยจิตวิญญาณของผู้นำที่แท้จริง คือการนำด้วยใจ ไม่ใช่อำนาจ พร้อมมีเครือข่ายที่เข้มแข็งช่วยสนับสนุนภารกิจ และขอให้ความทุ่มเท ความยากลำบาก และผลงานที่ตั้งใจทำ เป็นที่ประจักษ์ต่อผู้บังคับบัญชา เพื่อเปิดโอกาสในการเติบโตในเส้นทางราชการต่อไปอย่างสมศักดิ์ศรี