วันที่ 22 ธันวาคม 2568 นางเกศทิพย์ ศุภวานิช อธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้ (สกร.) เป็นประธานเปิดการประชุมคณะทำงานด้านการติดตามและประเมินผลของกรมส่งเสริมการเรียนรู้ ครั้งที่ 1 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 โดยมุ่งยกระดับแนวทางการติดตามและประเมินผลจากการรายงานเชิงปริมาณ ไปสู่การวัดผลสัมฤทธิ์เชิงคุณภาพที่สะท้อน “ผลลัพธ์จริง” ของการดำเนินงานในระดับพื้นที่ เพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2566 และนโยบายรัฐบาลอย่างเป็นรูปธรรม
การประชุมครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย นายอำนาจ วิชยานุวัฒน์, นางสาวโสมอุษา เลี้ยงถนอม, นายปรเมศวร์ ศิริรัตน์, นางวัชรีภรณ์ โกสินเจริญชัย และ นางสร้อยทิพย์ อุจวาที คณะที่ปรึกษาด้านการติดตามและประเมินผล พร้อมด้วย นายเอกราช ชวีวัฒน์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้ และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมบรรจง ชูสกุลชาติ กรมส่งเสริมการเรียนรู้ นอกจากนี้ นางณัฐกฤตา พึ่งสุข ที่ปรึกษาด้านการติดตามและประเมินผล พร้อมด้วยผู้บริหารสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัด เข้าร่วมประชุมผ่านระบบออนไลน์อย่างพร้อมเพรียง
อธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้กล่าวว่า จากการดำเนินงานด้านการติดตามและประเมินผลที่ผ่านมา พบว่าข้อมูลที่ได้รับยังไม่ละเอียดเพียงพอที่จะนำไปใช้พัฒนาหรือยกระดับโครงการให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดได้ จึงมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการติดตามประเมินผลให้มีความเฉพาะทางมากขึ้น โดยเน้นการบริหารจัดการข้อมูลทั้งในระดับรายตำบลและข้อมูลจากการลงพื้นที่จริง เพื่อให้สะท้อนผลผลิตและผลลัพธ์ของการดำเนินงานอย่างแท้จริง มากกว่าการรายงานเชิงกระบวนการหรือเชิงปริมาณเพียงอย่างเดียว อันจะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนในระยะยาว
อธิบดี สกร. กล่าวเพิ่มเติมว่า ยุทธศาสตร์การทำงานของกรมส่งเสริมการเรียนรู้ภายใต้พระราชบัญญัติส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2566 มีเป้าหมายสำคัญในการยกระดับบทบาทของ สกร. ให้เป็นสถาบันหลักในการส่งเสริมการเรียนรู้ของประชาชนทุกช่วงวัยอย่างแท้จริง โดยหัวใจสำคัญคือการวางระบบการทำงานที่ครอบคลุม ตั้งแต่การกำหนดเครื่องมือ นวัตกรรม และกระบวนการติดตามและประเมินผลที่ชัดเจน เพื่อให้ผลสัมฤทธิ์ที่เกิดขึ้นสามารถส่งตรงถึงประชาชนกลุ่มเป้าหมาย ตั้งแต่ระดับปฐมวัยจนถึงผู้สูงวัย ตามเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยการเรียนรู้ตลอดชีวิต พร้อมทั้งเสนอให้เสริมสร้างความร่วมมือกับภาคีเครือข่าย อาทิ สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพและสถาบันอุดมศึกษา ในการพัฒนาระบบธนาคารหน่วยกิต (Credit Bank) เพื่อยกระดับมาตรฐานและคุณภาพการเรียนรู้
“หัวใจสำคัญของการประชุมในครั้งนี้ คือการนำนโยบายและข้อมูลไปสู่การปฏิบัติจริงในระดับพื้นที่ การติดตามและประเมินผลในระยะต่อไปจะต้องคำนึงถึงบริบทของแต่ละพื้นที่เป็นหลัก เพื่อให้ข้อมูลสะท้อนประสบการณ์จริง และนำไปสู่การพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน” อธิบดี สกร. กล่าว
สำหรับการดำเนินงานด้านการติดตามและประเมินผลของกรมส่งเสริมการเรียนรู้ จะครอบคลุมการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายและจุดเน้นของกระทรวงศึกษาธิการ การขับเคลื่อนตามแผนปฏิบัติราชการของกรมส่งเสริมการเรียนรู้ ความก้าวหน้าการดำเนินงานผ่านระบบติดตามและประเมินผลแห่งชาติ (eMENSCR) การพัฒนาคุณภาพการศึกษา รายงานการตรวจราชการและการติดตามประเมินผลการจัดการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ (รอบที่ 1 และรอบที่ 2) รวมถึงการติดตามตัวชี้วัดโครงการ/กิจกรรม การใช้จ่ายงบประมาณตามแผนปฏิบัติราชการ และการติดตามผลตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในประเด็นที่เกี่ยวข้อง
ด้าน นายอำนาจ วิชยานุวัฒน์ คณะที่ปรึกษาด้านการติดตามและประเมินผล กล่าวว่า การบริหารจัดการด้านการติดตามและประเมินผลของกรมฯ ได้มีการวางกรอบการติดตามออกเป็น 3 ระดับสำคัญ ได้แก่ ระดับนโยบาย เพื่อตรวจสอบความสอดคล้องกับแนวทางของรัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการ ระดับแผนงาน เพื่อขับเคลื่อนโครงการภายในองค์กรให้เป็นรูปธรรม และระดับข้อมูลฐานราก ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่สุด โดยมุ่งพัฒนาข้อมูลทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพให้มีความถูกต้อง แม่นยำ และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง
ขณะที่ นายเอกราช ชวีวัฒน์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้ ได้เสนอแนวทางการพัฒนาระบบติดตามและประเมินผล โดยเน้นการร่วมกันออกแบบโมเดลและขั้นตอนการทำงานให้เกิดผลสัมฤทธิ์ที่ชัดเจน ใช้เครื่องมือที่หลากหลาย อาทิ การทำวิจัย การสำรวจความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย การลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม รวมถึงการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และระบบดิจิทัล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการประเมินผล ซึ่งกรมฯ มีความพร้อมทั้งด้านระบบ บุคลากร และทรัพยากรในการสนับสนุนการพัฒนาดังกล่าวได้ทันที
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณาและเห็นชอบแนวทางการคัดเลือกประเด็นสำคัญหรือประเด็นเร่งด่วน (Highlight) มาดำเนินการให้เห็นผลอย่างชัดเจน แทนการรายงานข้อมูลจำนวนมากที่ซ้ำซ้อน พร้อมทั้งพัฒนารูปแบบรายงานที่เป็นระบบ เพื่อลดขั้นตอนการทำงาน เพิ่มประสิทธิภาพการใช้ข้อมูล และสร้างประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและองค์กรอย่างยั่งยืน